วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2550


แบคทีเรีย

สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มีกระจัดกระจายอยู่ทั่วไป มีทั่งชนิดที่เป็นโทษคือทำให้เกิดโรค เจ็บป่วยและชนิดที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย หรือบางชนิดเป็นแบคทีเรียประจำถิ่นในร่างกายของเรา เพื่อช่วยสร้างความสมดุล และคอยป้องกันเชื้อโรคที่เป็นอันตรายได้ระดับหนึ่ง แต่ในบางครั้งเมื่อร่างกายเกิดความอ่อนแอลง เชื้อประจำถิ่นอาจเพิ่มจำนวนมากเกินไปจนทำให้เสียสมดุลและเกิดความผิดปกติได้แบคทีเรีย จะมีขนาดเล็กมากจนไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้น เช่นอาการเจ็บคอ ทอลซินอักเสบแดง มีเสมหะเป็นสีเหลือง/เขียว แผลเป็นหนอง ปวด บวม ร้อน เป็นต้น ส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายได้เข้ามาสู่ร่างกายตามช่องทางต่างๆเช่น ปาก คอ หู ตา จมูก ทวาร บาดแผล เป็นต้น เมื่อแบคที่เรียที่เป็นอันตรายเข้ามาในร่างกายเรา ธรรมชาติร่างกายของมนุษย์ก็จะมีหน่วยกำจัดสิ่งแปลกปลอม เช่นเม็ดเลือดขาวชนิดต่างๆที่จะมากำจัดเชื้อโรค ถ้าหน่วยทหารร่างกายชนะคือสามารถกำจัดทำลายสิ่งแปลกได้ ร่างกายอาจผิดปกติเพียงเล็กน้อยหรืออาจไม่มีอาการอะไรเลย แต่ถ้าร่างกายไม่สามารถกำจัดได้ทัน เนื่องจากเชื้อโรคมีการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็ว เข้ามาแบบกองโจรแล้วรีบหลบซุ่มฟักตัวในจุดที่เม็ดเลือดขาวตามไม่พบ หรือในช่วงร่างกายกำลังอ่อนแอ กองทัพเม็ดเลือดขาวไม่แข็งแรงหรือมากพอที่จะกำจัด ในระหว่างการต่อสู้เพื่อทำลายสิ่งแปลกปลอม จะมีการระดมเม็ดเลือดขาวมาในบริเวณติดเชื้ออย่างมาก ทำให้เห็นเป็นหนอง มีอาการปวด บวม แดง เป็นต้น ถ้ากองกำลังเม็ดเลือดขาวด่านแรกสู้ไม่ได้ เจ้าเชื้อโรคก็จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยต่างๆนานา ตามลักษณะของเชื้อ เช่น ท้องร่วง ท้องเสีย เจ็บคอ มีไข้ ปอดบวมได้มากมายเมื่อเกิดอาการผิดปกติข้างต้นขึ้น เมื่อมาถึงแพทย์บางชนิดแพทย์มีความแน่ใจก็จะสามารถให้ยาต่อต้านเชื้อโรคที่เรียกว่า ยาปฏิชีวนะ หรือ แอนตีไบโอติค หรือ ยาแก้อักเสบ ได้เลยทันทีเพื่อให้ไปช่วยทำลายยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และให้เม็ดเลือดขาวมากำจัดต่อจนจบ ร่างกายก็จะสามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้ตามเดิมแต่อีกส่วนหนึ่ง แพทย์จำเป็นต้องทราบชนิดที่แน่นอนของแบคทีเรีย เนื่องจากเชื้อแต่ละชนิดที่แตกต่างกันจำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะให้ตรงกับชนิดของเชื้อโรค มิฉะนั้นนอกจากจะเปลื้องเงิน ไม่หายแล้ว เชื้ออาจดื้อต่อยาทำให้การรักษาต้องยุ่งยากมากยิ่งขึ้นห้องแล็ป จะทำหน้าที่ในการตรวจพิสูจน์ แยกเชื้อออกมาให้ชัดเจนตามหลักการ เพื่อให้ทราบว่าเชื้อตัวไหนที่เป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วย ตรวจหาชนิดและปริมาณยาที่เหมาะที่สุดในการทำลายเชื้อโรควิธีการที่จะได้เชื้อมาเพาะเลี้ยงพิสูจน์ จะมาจากสารคัดหลั่งต่างจากบริเวณที่มีความผิดปกติ เช่น
อาการเจ็บคอ มีเสมหะเป็นสีเหลือง/เขียว
สิ่งส่งตรวจเพื่อหาเชื้อคือ เสมหะที่มีหนองปน ก็จะมีตัว สาเหตุปนติดมาด้วย
บาดแผลติดเชื้อ อักเสบ มีหนอง บาดแผลติดเชื้อ อักเสบ มีหนอง บาดแผลติดเชื้อ อักเสบ มีหนอง
สิ่งส่งตรวจเพื่อหาเชื้อคือ หนองบริเวณบาดแผล ก็จะมีตัว สาเหตุปนติดมาด้วย
ท้องร่วง ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเสีย ท้องร่วง ท้องเสีย
สิ่งส่งตรวจเพื่อหาเชื้อคือ อุจจาระ ก็จะมีตัวสาเหตุปนติด มาด้วย
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปัสสาวะขุ่น
สิ่งส่งตรวจเพื่อหาเชื้อคือ ปัสสาวะที่มีหนองปน ก็จะมีตัว สาเหตุปนติดมาด้วย
เมื่อได้สิ่งตรวจข้างต้นมาแล้ว ส่วนหนึ่งจะนำมาย้อมดูตัวเชื้อโดยการย้อมด้วยวิธี gram stain เพื่อแยกชนิดของเชื้อขั้นต้น ขั้นต่อมาจะนำสิ่งส่งตรวจที่มีเชื้อแบคทีเรียอยู่ ใส่ลงในอาหารเลี้ยงเชื้อที่สนับสนุนการเติบโตอย่างรวดเร็วในจานหรือหลอดทดลอง เชื้อจะโตจนมีขนาดใหญ่เรียกว่า โคโลนี ซึ่งมีขนาดและลักษณะจะเพาะ อาจต้องทดสอบบางชนิดเพื่อแยกย่อยให้ได้ชนิดของเชื้ออย่างแน่นอน จากนั้นจะไปทดสอบหาเพื่อหายาปฏิชีวนะที่เหมาะสม เพื่อการรักษาต่อไปจากการย้อมแยกชนิดเชื้อด้วยวิธี gram's stain จะช่วยแยกแยะเชื้อแบคทีเรียออกเป็นหมวดหมู่ได้กว้างๆดังนี้แยกโดยดูจากการติดสี ชนิดติดสีน้ำเงิน เรียก แบคทีเรียพวกนี้ว่า แกรมบวก ชนิดที่ติดสีแดง เรียก แบคทีเรียพวกนี้ว่า แกรมลบแยกโดยดูจากรูปร่างของเชื้อ ชนิดที่มีรูปร่างทรงกลม หรือค่อนข้างกลม เรียกแบคทีเรียพวกนี้ว่า คอคไซ (cocci) ชนิดที่มีรูปร่างเป็นแท่ง หรือท่อนสั้นๆ เรียกแบคทีเรียพวกนี้ว่า แบซิลไล (bacili)แยกโดยดูการการเรียงตัวหรือการจับตัวกัน เช่นการเกาะตัวรวมกันเป็นกลุ่ม การต่อเรียงตัวกันยาวเหมือนโซ่ การอยู่กันเป็นคู่ๆ เป้นต้น ลองมาดูลักษณะของเชื้อแบคทีเรียที่ได้จากการเพาะเชื้อในห้องปฏิบัติการชันสูตร ห้องแล็ป ว่ามีหน้าตาอย่างไรบ้าง เริ่มต้นเมื่อแพทย์เก็บตัวอย่างที่ต้องการเพาะแยกเชื้อใส่ลงในหลอดอาหารป้องกันมิให้เชื้อตายก่อนมาถึงห้องแล็ป (หลอดสีเหลืองตามรูป)ห้องแล็ปจะใช้ลูปมาเผาล้นไฟเพื่อฆ่าเชื้อก่อน จุ่มลงไปในตัวอย่างเชื้อแล้วมาเกลี่ยลงในจานอาหารเพาะเชื้อครั้งที่ 1 จากนั้นเอาลูปไปเผาไฟ จากรอยเกลี่ยที่ 1 นำมาเกลี่ยกระจายออกครั้งที่ 2 นำลูปไปเผาไฟ มาเกลี่ยในแนวที่สองเพื่อแยกเชื้อให้กระจายออกมาในแนวที่ 3 นำไปเก็บที่อุณหภูมิ 30-37 องศา เชื้อที่ถูกเกลี่ยเป็นระดับๆข้างต้น จะกระจายแยกเป็นเชื้อโคโลนีเดียวๆ ทำให้เราสามารถ- ทราบจำนวนชนิดของเชื้อโรคที่มีอยู่ในสิ่งส่งตรวจ- แต่ละโคโลนีเราจะนำไปทดสอบเพื่อแยกชนิดของเชื้อแบคทีเรีย ว่าต้นเหตุของโรคคือเชื้อตัวไหน- เชื้อแต่ละโคโลนีเรานำไปทดสอบกับยาปฏิชีวนะที่สามารถฆ่าเชื้อได้ดีที่สุด เพื่อแนะให้แพทย์จ่ายยา ที่สามารถฆ่าเชื้อได้ดีที่สุด เชื้อโรคแต่ละโคโลนีที่ถูกเกลี่ยให้กระจายออกมาบนจานเพาะเลี้ยงเชื้อ จะถูกนำไปใส่ในหลอดทดสอบเฉพาะเพื่อแยกชนิดของเชื้อโรค ทำให้เราสามารถทราบอย่างแน่นอนว่าเชื้อโรคตัวไหนที่เป็นตัวทำให้เกิดโรค อีกส่วนหนึ่งจะถูกนำไปทดสอบหายาปฏิชีวนะที่ดีที่สุดในการฆ่าเชื้อ เพื่อแจ้งให้แพทย์จ่ายยาที่เหมาะสมต่อผู้ป่วยระยะเวลาทั้งสิ้นตั้งแต่ได้รับตัวอย่าง จนทราบชนิดของเชื้อโรค และยาที่เหมาะสมในการรักษา ประมาณ 2-3 วัน

ไม่มีความคิดเห็น: